๑.กบิลพัสดุ์ : ชื่อเมืองหลวงของพระเจ้าสักกะหรือศากกะ
๒.กะเพราแดง : เป็นชื่อต้นไม้ล้มลุก มีกลิ่นฉุน ใช้ปรุงอาหาร พันธุ์ที่กิ่งและก้านใบสีเขียวอมแดงเรียกกะเพราแดงใช้ทำยาได้
๓.กำเลาะ : หนุ่ม สาว
๔.คันธกุฎี : พระกุฎีที่ประทับของพระพุทธเจ้า
๕.คาถาพัน : เป็นชื่อหนึ่งที่ใช้เรียกบทประพันธ์เรื่องมหาเวสสันดรชาดก
๖.จัมมาภรณ์ : เครื่องประดับ หรือในที่นี้คือ เสื้อผ้า ที่ทำจากหนังสัตว์
๗. จุณณียบท : บทบาลีเล็กน้อย ที่ยกขึ้นแสดงก่อนเนื้อความ
๘.จุติ : เคลื่อน(จากภพหนึ่ง ไปสู่ภพอื่น) , ตาย(ในภาษาบาลีใช้ได้ทั่วไป แต่ในภาษาไทยส่วนมากใช้แก่เทวดา) ในภาษาไทย บางที่เข้าใจและใช้กันผิดไปไกล ถึงกับเพี้ยนแปลเป็นเกิดก็มี
๙.ฉัพพรรณรังสิโยภาส หรือ ฉัพพรรณรังสี : รัศมี ๖ ประการ ซึ่งเปล่งออกจากพระวรกายของพระพุทธเจ้า
๑๐.เฉนียน : ฝั่งน้ำ มาจากภาษาเขมร เฉฺนร ซึ่งแปลว่า ชายฝั่ง
๑๑.ชฎิล : นักบวชประเภทหนึ่ง เกล้าผมมุ่นเป็นมวยสูงขึ้น มักถือลัทธิบูชาไฟ บางตรั้งจัดเข้าพวกฤๅษี
๑๒.ชะมด : ในความที่ว่า “ราเชนชะมดหมู่กระวานว่านวิเศษ” หมายถึง ชื่อมะกรูดพันธุ์หนึ่ง
๑๓.ดาวดึงส์ : ชื่อสวรรค์ชั้นที่ ๒ แห่งสวรรค์ ๖ ชั้น
๑๔.ดุณียภาพ : อาการนิ่งซึ่งแสดงถึงการยอมรับ
๑๕.ทลิกร : ยากจน เข็ญใจ
๑๖.ทศพร : พร ๑๐ ประการที่พระผุสดีทูลขอท้าวสักกะ เมื่อจะจุติจากเทวโลกมาอุบัติในโลกมนุษยโลก
๑๗.ทศพญาณ หรือ ทสพลญาณ : พระญาณเป็นกำลังขอพระพุทธเจ้า ๑๐ ประการ เรียกตามบาลี ตถาคต-พลญาณ (ญาณเป็นกำลังของพระตถาคต)
๑๘.ทุกูล : ผ้าอย่างดี มักใช้ว่า ผ้าทุกูลพักตร์
๑๙.ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร : เป็นพระสูตรที่ว่าด้วยการยังธรรมจักรให้เป็นไป การหมุนวงล้อธรรม เป็นชื่อของปฐมเทศนา คือพระธรรมเทศนาครั้งแรกซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนฤ-คทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
๒๐.นิโครธาราม : อารามที่พระญาติสร้างถวายพระพุทธเจ้า อยู่ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์
๒๑.เนรเทศ : บังคับให้ออกไปจากประเทศหรือถิ่นที่อยู่ของตน
๒๒.บารมี : คุณความดีที่บำเพ็ญอย่างยิ่งยวดเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายอันสูงสุด บารมีที่พระโพธิสัตว์ต้องบำเพ็ญให้ครบสมบูรณ์ จึงจะบรรลุโพธิสัตว์ เป็นพระพุทธเจ้า มี ๑๐ ประการ คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา
๒๓.บุตรทารทาน : การให้ทานโดยการสละบุตรและภรรยา (ทาร)
๒๔.เบญจบุตรนิมิต : ลางบอกเหตุล่วงหน้า เมื่อเทวดาจะจุติจากสรรค์ลงมาเกิดในโลกมนุษย์ มี ๕ ประการ ได้แก่ ๑. ดอกไม้ประดับวิมานเหี่ยวแห้ง ๒. เครื่องทรงเศร้าหมอง ๓. เหงื่ออกทางรักแร้ทั้งสองข้าง ๔. ผิวพรรณเศร้าหมอง ๕. เบื่อหน่ายทิพยอาสน์
๒๕.เบญจวัคคีย์ : ภิกษุจำพวกหนึ่งมี ๕ รูป ผู้ได้ฟังธรรมเทศนาทีแรก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานาม และพระอัสสชิ
๒๖.โบกขรพรรษ : ฝนดุจตกลงใบบัวหรือในกอบัว เป็นผลที่ตกลงมาในกาละพิเศษ มีสีแดง ฝนชนิดนี้มีกล่าวไว้ว่า ผู้ใดต้องการเปียก ก็เปียก ผู้ใดต้องการไม่ให้เปียก ก็ไม่เปียกแต่เม็ดฝนจะกลิ้งหล่นจากกาย ดุจหยาดน้ำหล่นบนใบบัว
๒๗.ปฎิสัมภิทา : ปัญญาแตกฉาน ๕ ประการ
๒๘.ปริโสสาน : สุดลงโดยรอบ(หมายความว่า ที่สุดหรือจบลงโดยสมบูรณ์แล้ว) , จบ
๒๙.ปิยบุตรทาน : ให้ลูกรักเป็นทาน
๓๐.พเนจร : ผู้เที่ยวป่า พรานป่า โดยปริยายความหมายว่า ร่อนเร่ไป เที่ยวโดยไร้จุดหมาย
๓๑.พระผู้เป็นเจ้า : พระภิกษุ พระผู้เป็นใหญ่ เทพผู้สูงสุดที่นับถือว่าเป็นผู้สร้างสรรค์บันดารทุกสิ่ง ทุกอย่าง
๓๒.ภัทรกัป : กัปอันเจริญหรือกัปที่ดีแท้
๓๓.ภิกษาจาร : การเที่ยวขอ , การเที่ยวขออาหาร
๓๔.ยมกปาฏิหาริย์ : ปาฏิหาริย์ที่แสลงเป็นคู่ๆ เป็นปาฏิหาริย์ที่พระพุทธเจ้าทรงกระทำที่ต้นมะม่วงซึ่งเรียกว่า คัณฑามพพฤกษ์ คือทรงบันดาลท่อน้ำท่อไฟจากส่วนของพระวรกายเป็นคู่ๆ
๓๕.ราชคฤหบุรี : นครหลวงของแคว้นมคธ เป็นนครที่มีความเจริญรุ่งเรือง
๓๖.วัปป : การหว่านพืชพิธีวัปปมงคล
๓๗.สมุจเฉทปหาร : การละกิเลสได้โดยเด็ดขาดด้วยอริมรรค
๓๘.สังสารวัฏ : การเวียนเกิดเวียนตาย, การเวียนไหว้ตายเกิด ด้วนอำนาจกิเลส กรรมและวิบาก
๓๙.สัตตสดกมหาทาน : การทำทานครั้งยิ่งใหญ่โดยให้สิ่งของอย่างละ ๗๐๐ ได้แก่ ช้าง ๗๐๐ ม้า ๗๐๐ รถ ๗๐๐ สตรี ๗๐๐ โคนม ๗๐๐ ทาสชาย ๗๐๐ และทาสหญิง ๗๐๐
๔๐.สัพพัญญู : ผู้รู้ธรรมทั้งปวง , ผู้รู้ทั่งทั้งหมด , พระนามของพระพุทธเจ้า
๔๑.สารสิบตระกูล : ช้าง ๑๐ ตระกูล
๔๒.สุคนธชาติ : ของหอม เครื่องหอม ๑๐ อย่าง
๔๓.อภิญญาณ : ความรู้ยิ่ง ในทางพระพุทธศาสนา มี ๖ อย่าง
๔๔.เฉวียง : ซ้าย เอียง ตะแคง ทแยง